BUZZEBEES เปิดสถิติใช้งานระบบสะสมแต้ม ปี 2022 กว่า 145 ล้านบัญชี แลกของรางวัลสูงถึง 100 ล้านครั้งต่อปี

[กุมภาพันธ์, 2566] BUZZEBEES (บัซซี่บีส์) ผู้นำอันดับ 1 ด้าน CRM & Digital Engagement Platform ด้วยมาร์เก็ตแชร์กว่า 90% เผยสถิติผู้ใช้งานปี 2022 บนแพลตฟอร์มบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM & Loyalty Platform) บน Ecosystem ว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั้งหมด 145 ล้านบัญชี มีจำนวนการแลกคะแนนทั้งหมด (Point Burn) กว่า 15,000 ล้านแต้ม และมีจำนวนการแลกของรางวัล (Redemption) กว่า 100 ล้านครั้งต่อปี

ส่วนใหญ่ลูกค้าของ BUZZEBEES จะเป็นลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่รวมกว่า 350 แพลตฟอร์ม ซึ่งกระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มธนาคาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มประกันภัย กลุ่มน้ำมันและรถยนต์ และกลุ่มค้าปลีก รวมถึงกลุ่มธุรกิจ Retail Solution ที่มีร้านค้าปลีกใช้งานระบบกว่า 6,000 จุด ซึ่งทำให้บนแพลตฟอร์มทั้งหมดของ BUZZEBEES มีผู้ใช้งานรวมสูงถึงกว่า 145 ล้านบัญชี 

จากการสำรวจพบว่า Top 3 หมวดหมู่ของรางวัลที่ถูกแลกมากที่สุด (Most Redeemed) ได้แก่ 1. เวาเชอร์ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 2. บัตรกำนัลช้อปปิ้ง และ 3. การเติมกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตามลำดับ โดย ‘เวาเชอร์ร้านอาหารและเครื่องดื่ม’ ยังคงครองใจอันดับหนึ่งของผู้ใช้งานระบบสะสมแต้มในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ส่วน Top 3 สินค้าที่ลูกค้าชอบลุ้นรางวัลมากที่สุด (Lucky Draw) ได้แก่ 1. รถยนต์ 2. สร้อยคอทองคำ และ 3. โทรศัพท์มือถือ ซึ่งสรุปได้ว่าหากแบรนด์องค์กรนำสินค้า Top 3 ดังกล่าวมาร่วมเป็นหนึ่งในของรางวัลและสิทธิพิเศษให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แต้มลุ้นรับรางวัลบนแพลตฟอร์ม ก็จะสามารถกระตุ้นยอดขายและกระตุ้นการซื้อซ้ำได้อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกรณีที่แบรนด์องค์กรที่มีแพลตฟอร์ม CRM & Loyalty บน Ecosystem ของ BUZZEBEES ก็จะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ วางแผนกลยุทธ์ และช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างแคมเปญร่วมกับพันธมิตร (Partnership Campaign) ร่วมกับแบรนด์อื่น ๆ ใน Ecosystem ของ BUZZEBEES เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและขยายโอกาสทางธุรกิจได้มากขึ้น

ข้อมูลที่น่าสนใจในส่วนต่อมาก็คือข้อมูลสัดส่วนความชื่นชอบในการแลกของรางวัลของลูกค้า Loyalty Platform ในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม โดย
กลุ่มธนาคาร (Bank) จะเห็นได้ว่าสัดส่วนของรางวัลที่ถูกแลกมากที่สุดอันดับ 1 ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม (F&B Voucher) 70%, อันดับ 2 บัตรกำนัลช้อปปิ้ง (Shopping Voucher) 20%, อันดับ 3 คูปองส่วนลดออนไลน์ (E-voucher) 5% และอันดับ 4 การเติมกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) 5% หรือหากเป็นลูกค้ากลุ่มแบรนด์น้ำมันและรถยนต์ (Petrol & Automotive) ก็จะเห็นได้ว่าลูกค้ามีความต้องการในการแลกของรางวัลที่แตกต่างกันออกไป อันดับ 1 ได้แก่อาหารและเครื่องดื่ม (F&B  Voucher) 60%, อันดับ 2 บัตรเติมน้ำมัน (Petro Voucher) 22%, อันดับ 3 บัตรกำนัลช้อปปิ้ง (Shopping Voucher) 11% และอันดับ 4 คูปองส่วนลดออนไลน์ (E- Voucher) อีก 7% เป็นต้น ซึ่งเมื่อกลุ่มแบรนด์รู้ข้อมูลผู้บริโภคในเชิงลึกก็จะสามารถปรับใช้กลยุทธ์การตลาดต่าง ๆ รวมถึงมอบของรางวัลให้ตรงกับความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

โดยในช่วงปี 2020-2022 ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เทรนด์การแลกของรางวัลเปลี่ยนไป อาทิ

      1. ตั้งแต่เหตุการณ์ Covid-19 ทำให้ลูกค้าแลกของรางวัลกลุ่ม E-voucher สูงขึ้นถึงกว่า 300% เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้จ่ายใน E-commerce กันมากขึ้นในช่วงนี้

      1. วิกฤตน้ำมันแพง ทำให้ลูกค้าหันมาแลกของรางวัลกลุ่มบัตรเติมน้ำมันเพิ่มขึ้นถึงกว่า 100% เพื่อลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในส่วนของการเดินทาง

    จากเทรนด์ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้บริโภคมองหาของรางวัลที่มีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันมากที่สุด ดูได้จากสัดส่วนของรางวัลที่สินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ซึ่งเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับปัจจัย 4 มาแรงเป็นอันดับ 1 ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ในช่วงที่มีเหตุการณ์วิกฤตต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ก็จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมการแลกของรางวัลของผู้บริโภคก็จะเปลี่ยนตามไปด้วยอย่างมีนัยยะสำคั

    ทั้งนี้ อีกหนึ่งบริการที่เติบโตไม่แพ้บริการด้าน CRM & Loyalty Platform ก็คือ 
    บริการด้านอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร (E-Commerce Service) ของ BUZZEBEES ในปี 2022 ที่ผ่านมา ก็สามารถทำยอดขายผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce ให้กับแบรนด์ลูกค้า โดยมีแบรนด์ที่มียอดขายเติบโตสูงที่สุดถึง 904% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา รวมถึงแคมเปญ Double Day ใน E-Commerce Marketplace ที่ BUZZEBEES สามารถทำให้แบรนด์ Pepsico Official Shop ติด Top 5 แบรนด์ขายดีที่สุดใน Shopee ในหมวดหมู่ Groceries ติดต่อกัน 11 เดือน (ตั้งแต่เดือน ก.พ. – ธ.ค. 2565) และเป็นแบรนด์ขายดีติด Top 5 ใน Lazada ในหมวดหมู่เดียวกันติดต่อกันถึง 4 เดือน (ตั้งแต่เดือน ก.ย. – ธ.ค. 2565) ด้วยเช่นกัน

    ดังนั้น แบรนด์ต่าง ๆ ที่ทำการตลาดในด้านของ CRM & Loyalty Platform จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจับเทรนด์กลุ่มลูกค้าและวิเคราะห์พฤติกรรมในแต่ช่วงให้รวดเร็วทันต่อสถานการณ์ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้ตรงใจกับกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าเกิด Engagement กับแบรนด์ได้อย่างยั่งยืน