ในขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ยังแพร่ระบาดอย่างวิกฤตอยู่นั้น Buzzebees ไม่เคยที่จะหยุดพัฒนานวัตกรรมทางการตลาดและนวัตกรรมเพื่อส่งเสริม Marketing Activation อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ร่วมมือกับ Center for International Economic Collaboration (CFIEC) และเข้าร่วมประชุม Japan-ASEAN Digital Workshop ซึ่งเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านดิจิทัลของญี่ปุ่น-อาเซียน เพื่อแชร์ประสบการณ์และมุมมองเกี่ยวกับ Data Free-Flow with Trust (DFFT) ข้ามพรมแดน เนื่องจากกระแสโลกเปลี่ยนไปสู่เทรนด์ดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ด้วยประสบการณ์มากกว่า 9 ปีของ Buzzebees ที่ได้เรียนรู้ผ่านการลองผิดลองถูก และประสบความสำเร็จในการสะสมบัญชีผู้ใช้งานมากกว่า 85 ล้านบัญชี โดยมีปริมาณการใช้งานอยู่ที่ 2 ล้านคนต่อวัน
คุณณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด กล่าวในที่ประชุมว่า Buzzebees เติบโตจากสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี และปัจจุบันมี Network ด้าน CRM และ Privilege Merchants ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดย Buzzebees ได้ให้ความสำคัญของ Big Data และ Data Flow มารวบรวมข้อมูลเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล ซึ่งข้อมูลมีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างแคมเปญการตลาดที่เน้นผลลัพธ์และเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะในตลาดไทย ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคในการสร้างแพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์และสิทธิพิเศษต่างๆ และส่งเสริมการรับรู้ต่อแบรนด์และการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์ คู่ค้า รวมถึงผู้บริโภค
จากข้อมูลของ The World Bank ปี 2562 ที่เปรียบเทียบกับตลาดเอเชีย ได้คาดการณ์ว่ากำลังซื้อของไทยอยู่ที่ประมาณ 19,228 ตอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ สถิติต่างๆ Buzzebees อธิบายเพิ่มเติมว่า ด้วยปัจจัยนี้ทำให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเจาะตลาดไทยได้ เนื่องจากไทยมีการเติบโตของตลาดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับประเทศเกิดใหม่อื่นๆ รวมถึงแสดงกราฟยอดขายค้าปลีกของประเทศญี่ปุ่นและไทย ที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์การลงทุนได้ดีขึ้น
พร้อมกับให้ข้อมูลถึงโอกาสในการเจาะตลาดอีคอมเมิร์ซไทย เนื่องจากการเจาะตลาดในปัจจุบันค่อนข้างน้อยและมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก จากข้อมูลของ Temasek และ Bain & Company คาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย จะเติบโตมากกว่า 3 เท่าภายใน 5 ปีข้างหน้า ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าจับตามอง