ปี 2022 แล้ว! Loyalty Program หรือการทำให้ลูกค้าภักดีกับแบรนด์ จนอยากกลับมาซื้อซ้ำบ่อย ๆ ไม่ได้มีแค่การอัดโปรแรงอย่าง ซื้อ 10 แถม 1 อีกต่อไป!
วันนี้ BUZZEBEES จะมาอัปเดต 4 เทรนด์ Loyalty Program ที่น่าสนใจ และตัวอย่างแบรนด์ที่ทำให้ทุกคนได้เห็นภาพกันมากขึ้น และเอาไปปรับใช้กับแบรนด์ของคุณได้!
1. Gamifcation: ใช้ความสนุกเพื่อเพิ่มกิมมิกในการชอปปิ้ง
รูปแบบของ Gamification คือการทำให้ความรู้สึกของลูกค้าที่ใช้แพลตฟอร์มรู้สึกสนุกเหมือนกับการเล่นเกม
ซึ่งการมี Gamification อยู่ใน Loyalty Program จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ง่ายขึ้น และถ้าหากเราวางแผนการตลาดใน Gamification ดี ๆ ก็ยังทำให้เกิดการบอกต่อได้อีกด้วย
เช่น กดแชร์ลิงก์ชวนเพื่อนมาเล่นเกม แล้วจะได้คะแนนเพิ่ม
ขอยกตัวอย่าง Nestle Pure Life ที่ออกแบบการเล่นเกมผ่าน LINE OA เป็นรูปแบบ Check-in กรอกรหัสติดต่อกันครบ 7 วันจะได้รับพอยต์พิเศษ เพื่อนำไปแลกสิทธิพิเศษต่าง ๆ
เช่น ส่วนลดอาหารและเครื่องดื่ม, ไลฟ์สไตล์ และคูปอง อีกทั้งยังใช้เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์โปรโมชันประจำเดือนและมอบส่วนลดพิเศษอีกมากมายให้แก่ลูกค้าอีกด้วย
2. Make It Mobile: ทำให้ครบจบบนมือถือ
ในปัจจุบันผู้บริโภคมีพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นการทำ Loyalty Program ให้ครบจบบนโทรศัพท์มือถือก็จะช่วยสร้างโอกาสให้ลูกค้าอยู่ใกล้ชิดแบรนด์มากยิ่งขึ้น
โดยในปัจจุบันการทำ Loyalty Program ก็มีตั้งแต่แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ไปจนถึง LINE OA ซึ่งทุกรูปแบบนี้ก็จะช่วยให้เรามีข้อมูลของลูกค้า ไปจนถึงสามารถเลือกของรางวัลที่เหมาะสมกับลูกค้า แถมยังต่อยอดพัฒนาสินค้าให้ตรงใจลูกค้าได้ง่ายขึ้น
เช่น บางจากต้องการรวมฐานข้อมูลของบัตรสมาชิกที่มีอยู่ทั้ง 3 ประเภทอย่าง Bangchak Green Miles, Gasohol Club และ Diesel Club ให้เป็นหนึ่งเดียว
โดยใช้แอปพลิเคชันเป็นช่องทางหลักในการใช้งาน พร้อมการสร้าง CRM ในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า เพื่อที่บริษัทจะได้เข้าใจถึงพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า และนำข้อมูลมาพัฒนาสู่การทำโปรโมชันหรือจัดหาสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
3. Hybrid Touchpoint: สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าได้ทั้งออฟไลน์-ออนไลน์
การเพิ่มช่องทางในรูปแบบแอปพลิเคชัน หรือ LINE OA เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เกิดความ Hybrid หรือภาษาธุรกิจก็คือ การทำ Omni Channel ที่ช่วยผสานข้อมูลจากออฟไลน์และออนไลน์ไว้ในที่เดียวกันได้
ดังนั้นการพัฒนา Loyalty Program ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์เรา ได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างสะดวกและไร้ร้อยต่อ ก็จะช่วยสร้างความประทับใจและเพิ่มความภักดีของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ได้มากขึ้น
เช่น Lotus’s อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ด้วยแอปพลิเคชันที่สามารถแลกคะแนนสะสมเป็นคูปองเงินสดได้ในทันที
และตัดปัญหาเรื่องการลืมคูปองเงินสดเพื่อมาใช้บริการที่สาขาอีกด้วย นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถสะสมคะแนน ตรวจสอบคะแนน ใช้คูปองเงินสดจากแต้มคลับการ์ด
รวมไปถึงส่วนลดพิเศษต่าง ๆ พร้อมทั้งการอัปเดตข้อมูลส่วนตัวด้วยตัวเองในแอปพลิเคชันได้อย่างสะดวกครบครัน
4. End-to-End Loyalty Programs: สร้าง Loyalty ด้วยทุกบริการครบวงจรในแพลตฟอร์มเดียว
Loyalty Program ที่มีทั้งระบบการสะสมแต้ม การใช้คะแนนสะสม การเล่นเกม ไปจนถึงการซื้อภายในแพลตฟอร์มแล้วได้คะแนนพิเศษ จะช่วยสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ารู้สึกถึงความ Seamless หรือไร้รอยต่อ
ซึ่งแน่นอนว่ามันจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าของคุณ อยากร่วมกิจกรรมกับแบรนด์คุณง่ายขึ้น และสร้างโอกาสให้เกิดความภักดีและกลับมาซื้อซ้ำ
เช่น แอปพลิเคชัน A+ Genius Baby ได้ถูกพัฒนาให้เป็น E-commerce แบบครบวงจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คุณแม่ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในราคาพิเศษ
อีกทั้งยังมีบทความแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ และมีบันทึกการเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อย
ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ ใน A+ Genius Baby รวมถึงทุกการสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน จะสามารถเปลี่ยนเป็นพอยต์และแลกของรางวัลได้ครบจบในแอปฯ
สรุปก็คือเทรนด์การทำ Loyalty Program ที่ BUZZEBEES นำมาแชร์ในวันนี้ก็คือ การทำให้ลูกค้าได้สนุกมากขึ้นด้วย Gamification, ทำให้ลูกค้า Engage กับแบรนด์คุณได้ง่าย ถ้าทำทุกอย่างให้จบบนมือถือ, สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกในการใช้พอยต์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
และสุดท้ายการสร้างแพลตฟอร์มที่ครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าไม่หลุดไปไหน เพราะทำทุกอย่างได้ครบจบตั้งแต่ซื้อยันแลกพอยต์