คุมธุรกิจให้อยู่หมัด! ด้วยระบบจัดการร้านค้า E-Commerce สำหรับธุรกิจยุคใหม่

เพราะโลกหมุนไวและเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เช่นเดียวกับรูปแบบการทำธุรกิจที่ขยับจากการขายของหน้าร้านมาเป็นการเปิดร้านบนแพลตฟอร์มออนไลน์ จนในปัจจุบัน ธุรกิจออนไลน์เติบโตไปไกลและได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งเทรนด์มาแรง ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างอาชีพและรายได้เสริมเท่านั้น แต่การเปิดธุรกิจออนไลน์ยังทำได้ง่าย ๆ สามารถเริ่มเปิดร้านเป็นของตัวเองได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, LINE Shopping รวมไปถึง Shopee และ Lazada อีกด้วย

อย่างไรก็ดี ถึงจะมีแพลตฟอร์มให้คนได้ผันตัวไปเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มากเพียงใด แต่การเพิ่มยอดขายให้ปังอย่างมั่นคงยังต้องอาศัยการดูแลธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะต้องดูแลคุณภาพของสินค้าและบริการให้ดีแล้ว การใช้ระบบการจัดการ E-Commerce ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ยอดขายโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน แถมยังช่วยประหยัดเวลาให้เจ้าของธุรกิจได้หันกลับไปพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการ แล้วระบบที่ว่านี้คืออะไร ช่วยสร้างยอดขายได้จริงไหม หากใครพร้อมรับยอดขายปังอย่างมีระบบ มาทำความรู้จักกับระบบจัดการร้านค้า E-Commerce ไปพร้อมกันได้เลย

ระบบจัดการร้านค้า E-Commerce คืออะไร

ระบบจัดการร้านค้า E-Commerce คืออะไร?

ระบบจัดการ E-Commerce คือ ระบบจัดการธุรกิจประเภทหนึ่งที่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้ธุรกิจได้อย่างครบวงจร ในบางครั้งระบบจัดการประเภทนี้จะถูกเรียกว่าระบบจัดการร้านค้าอย่าง Shopee, Lazada และ Marketplace อื่น ๆ เนื่องจากตัวระบบจะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Marketplace ทั้งหมดได้ตามความต้องการของผู้ใช้

แต่อย่าเพิ่งเข้าใจว่าระบบจัดการร้านค้าสำหรับ E-Commerce จะช่วยเชื่อมต่อแค่ Marketplace แพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่างเดียวเท่านั้น เพราะระบบจัดการร้านค้านี้ยังมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานอื่น ๆ ที่ช่วยตอบโจทย์ผู้จำหน่ายสินค้า หรือเจ้าของกิจการได้เป็นอย่างดี เช่น ผู้พัฒนาและออกแบบระบบรับดูแลร้านค้าออนไลน์ E-Commerce บางแห่งก็มีฟังก์ชันการจัดการสต๊อกสินค้าให้ได้เลือกใช้ ในขณะที่บางเจ้าอาจเชื่อมต่อกับระบบขนส่งทำให้มีรถมารับพัสดุถึงหน้าบ้านโดยไม่ต้องเสียเวลาออกไปส่งของเอง เป็นต้น

นอกจากนี้ ฟังก์ชันบนระบบจัดการร้านค้ายังช่วยให้ทั้งพ่อค้าและแม่ค้าออนไลน์ทุกคนได้จัดการบริหารร้านค้าอย่างเป็นระบบได้ในที่เดียว ไม่ต้องเสียเวลาเข้าออกหลายระบบหรือเชื่อมต่อหลายแอปพลิเคชันให้วุ่นวาย ที่สำคัญ ระบบจัดการร้านค้าส่วนมากยังได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถช่วยเจ้าของธุรกิจประหยัดเวลาในการดูแลจัดการงานหลังบ้านได้จริง

ระบบจัดการ E-Commerce ตอบโจทย์ธุรกิจออนไลน์ได้อย่างไร?

ถึงผู้ออกแบบระบบรับดูแลร้านค้าออนไลน์ E-Commerce จะพัฒนาฟังก์ชันการใช้งานและมีระบบประมวลผลข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้ว ระบบจัดการ E-Commerce ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การใช้งานเพื่อเพิ่มยอดขายได้จริงจะมีฟังก์ชันการใช้งานอยู่ 6 แบบ ซึ่งจะประกอบไปด้วย

1. การจัดการบัญชี (Account Management)

นอกจากจะมีระบบจัดการร้านค้าที่เชื่อมต่อเข้ากับ Shopee, Lazada และ Marketplace อื่น ๆ แล้ว ระบบสำหรับร้านค้า E-Commerce ยังสามารถช่วยจัดการบัญชีแบบครบวงจรตั้งแต่การช่วยวางแผนเพื่อเพิ่มยอดขายและประสิทธิภาพของร้านค้าในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ตลอดจนช่วยจัดการบริการสต๊อกสินค้า พร้อมรายงานผลประกอบการ คำนวณหาวิธีการสร้างโปรโมชันและการจัดการราคาที่เหมาะสม รวมไปถึงช่วยสร้างกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่ช่วยดันยอดขายให้ปังและมั่นคงในทุกระยะ

2. การทำสื่อ (Content & Graphic)

“ความเร็วในการลงสินค้า” และ “การทำคอนเทนต์” ทั้งการเขียนแคปชันและทำกราฟิกเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ถือเป็นหัวใจหลักที่ช่วยปั้นยอดขายได้ ดังนั้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขายให้มากขึ้น ระบบจัดการร้าน E-Commerce จะเข้ามามีบทบาทในการทำคอนเทนต์ให้ทันท่วงทีต่อทุกช่วงเวลา อาทิ การลงคอนเทนต์ในช่วงเวลาต่าง ๆ การโพสต์รูปภาพและแชร์ใหม่ในเวลาที่เหมาะสม ตลอดจนวางแผนการทำแบนเนอร์ให้ตรงกับธุรกิจ

ระบบจัดการร้านค้าตอบโจทย์เรื่องอะไร

3. การดูแลลูกค้า (Customer Service)

ระบบจัดการร้านค้าที่มีคุณภาพมักมาพร้อมกับระบบการดูแลลูกค้าหลังบ้านที่ครบครัน ซึ่งไม่ว่าลูกค้าจะมีคำถาม ข้อสงสัย หรือต้องการอะไร ระบบจัดการร้านค้าที่ดีจะมีผู้ช่วยคอยตอบคำถามบนทุกแพลตฟอร์ม และช่วยนำเสนอโปรโมชันพิเศษ บอกแคมเปญสำคัญ รวมไปถึงรับเรื่องคืนของ และตอบสนองต่อทุกความต้องการของลูกค้าแบบ Real-time ดังนั้น ปัญหาการดูแลลูกค้าไม่ทั่วถึงจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในขณะเดียวกันยังสามารถช่วยเพิ่มฐานลูกค้าไปพร้อมกับยอดขายได้อีกด้วย

4. ช่วยจัดการแคมเปญด้านการตลาด (Marketing Activities)

บนสนามการค้าออนไลน์ ธุรกิจไหนเข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็วกว่าก็ย่อมมีโอกาสเพิ่มยอดขายได้ไวกว่าเช่นกัน ดังนั้น การทำโฆษณาบน Marketplace และแพลตฟอร์มซื้อขายต่าง ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยได้ ซึ่งการมีระบบรับดูแลร้านค้าออนไลน์ E-Commerce นี้ยังสามารถช่วยให้เจ้าของธุรกิจทำโฆษณาออนไลน์เองได้ พร้อมมีผู้ช่วยคอยวางแผนสร้างแคมเปญพิเศษเพื่อช่วยให้การโฆษณามีประสิทธิภาพและสร้างยอดขายได้จริง

5. การตรวจสอบและแพ็คสินค้า (Fulfillment)

ไม่เพียงแต่ดูแลระบบหลังบ้านแบบครบวงจรเท่านั้น ระบบจัดการร้าน E-Commerce ที่มีคุณภาพยังมาพร้อมกับฟังก์ชันตรวจสอบและแพ็คสินค้าให้ก่อนจัดส่ง ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดเวลาแล้ว เจ้าของธุรกิจยังสามารถตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนจัดส่งได้ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่ดีที่สุดจากธุรกิจ และเพื่อช่วยให้ธุรกิจเห็นถึงข้อผิดพลาดของสินค้าและสามารถพัฒนาคุณภาพต่อไปได้

6. การจัดส่งสินค้า (Delivery)

สุดท้าย เมื่อผ่านทุกกระบวนการเรียบร้อย ระบบจัดการร้าน E-Commerce ก็จะเชื่อมต่อกับระบบขนส่งที่เจ้าของธุรกิจเลือกไว้เพื่อวางแผนจัดส่ง พิมพ์ใบเสร็จและชื่อที่อยู่อัตโนมัติตามแบบฟอร์มของบริษัทขนส่งแต่ละที่ สามารถเรียกคนมารับพัสดุเพื่อนำไปเข้าระบบและจัดส่ง ตลอดจนจัดทำลิงก์ให้ลูกค้าเช็กพัสดุได้ง่าย ๆ ซึ่งหากเทียบกับการจัดการร้านแบบเดิม ๆ แล้ว การมีระบบจัดการร้านนี้จะช่วยประหยัดเวลาได้มากเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่า การมีระบบจัดการร้านนั้นสามารถช่วยตอบโจทย์การทำธุรกิจออนไลน์ได้อย่างเต็มที่ เจ้าของกิจการมีเวลาไปพัฒนาธุรกิจได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเสียเงินจ้างคนเพิ่ม แถมยังสร้างโอกาสเพิ่มยอดขายได้เรื่อย ๆ ซึ่งหากธุรกิจของคุณกำลังมองหาผู้ช่วยเพิ่มยอดขายแบบปังแบบมั่นคง พร้อมช่วยทำให้ทุกความวุ่นวายของธุรกิจออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ที่ Buzzebees เรามาพร้อมกับระบบจัดการร้าน E-Commerce ฟังก์ชันครบทุกความต้องการ ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ธุรกิจออนไลน์ได้จริง ดูแลโดยทีมงานมืออาชีพที่พร้อมพาคุณปั้นยอดขายและสร้างแบรนด์ได้อย่างมั่นคง สามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับระบบรับดูแลร้านค้าออนไลน์ E-Commerce อย่าง Buzzebees E-Commerce Service ได้ที่เบอร์ 02-645-1212 หรืออีเมล support@buzzebees.com