< !--Google Tag Manager-- >

How to สร้างระบบร้านขายออนไลน์ ให้ยอดเพิ่ม ลูกค้ารักกว่าเดิม

ธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างหันมาจับจ่ายใช้สอยผ่านทางออนไลน์กันมากขึ้น เพราะนอกจากสะดวกสบายและประหยัดเวลาแล้ว ยังมีส่วนลดให้เหล่านักช็อปได้ใช้กันอย่างจุใจ แต่สำหรับบรรดาร้านค้าออนไลน์นั้น ยิ่งธุรกิจเติบโตมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งทำให้คู่แข่งในตลาดเพิ่มมากขึ้น และเมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้ประกอบหลาย ๆ คน เลือกที่จะปรับกลยุทธ์ และนำระบบจัดการ E-Commerce เข้ามาปรับใช้เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อไปไม่มีสะดุด

แล้วระบบจัดการที่ว่านี้จะสามารถช่วยขับเคลื่อนธุรกิจออนไลน์ของคุณได้อย่างไร Buzzebees ได้รวบรวม 4 เทคนิคให้สามารถนำระบบจัดการ E-Commerce มาใช้งานควบคู่กัน เพื่อช่วยเพิ่มทั้งยอดขาย และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณและฐานลูกค้าให้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิม! 

เพิ่มแต้มต่อด้วย 4 ข้อ ช่วยให้ระบบจัดการ E-Commerce มีแต่ปัง - Buzzebees

4 เทคนิค พลิกการขายของออนไลน์ให้มีแต่ปัง

1. วางแผนการตลาดให้เหมาะสม

แม้ว่าการวางแผนการตลาดอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน แต่ขอบอกเลยว่า สิ่งนี้มีความจำเป็นที่สุด และควรเริ่มทำเป็นอันดับแรก สำหรับพ่อค้า-แม่ค้ามือใหม่ เรามีเคล็ดลับการวางแผนการตลาดที่เข้าใจง่าย ที่จะช่วยสร้างระบบจัดการของคุณให้ปัง

  • ตั้งวัตถุประสงค์และเป้าหมายการตลาดที่ชัดเจน คุณควรตั้งเป้าหมายด้านแผนการตลาดออนไลน์ที่ครบถ้วน ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น แผนการวางขายสินค้าตัวใหม่ หรือวิธีการนำเสนอสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ว่าทำอย่างไรให้คนจดจำ อยากซื้อมาทดลองใช้ รวมทั้งให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำอีกด้วย
  • วิเคราะห์ตลาดภาพรวม อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือคุณต้องมองตลาดให้ขาด โดยวิเคราะห์ว่าคู่แข่งของเราคือใคร และมีจุดแข็งหรือจุดด้อยของบริษัทอื่น ๆ ข้อไหนที่เราสามารถเอาชนะคู่แข่งได้บ้าง พร้อมสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ของเราได้มากขึ้น
  • หากลุ่มลูกค้าหลักให้เจอ อีกกุญแจสำคัญสำหรับการทำ E-Commerce ให้เติบโต นั่นก็คือการค้นหากลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าเราให้เจอ เพื่อให้เราเข้าใจพฤติกรรมการบริโภค หรือความสนใจของพวกเขามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาข้อมูลถึงสิ่งที่พวกเขาสนใจ ทำให้เรารู้ว่าพวกเขาชอบหรือต้องการอะไรในช่วงนี้

2. เลือกช่องทางโปรโมตสินค้า

หากคุณเตรียมผลิตสินค้าที่จะวางขายอย่างดิบดี แต่เลือกช่องทางโปรโมตสินค้าที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายก็พังได้เหมือนกัน! เราขอแนะนำให้คุณเลือกช่องทางการโปรโมตที่น่าสนใจ อย่างเช่น Facebook, Instagram, Twitter หรือ YouTube โดยเลือกให้เหมาะสมกับตัวสินค้าและพฤติกรรมของผู้บริโภค  เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและชัดเจนมากที่สุด

3. เลือกช่องทางการชำระเงิน

การอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการชำระเงินถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณมัดใจลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็น การชำระผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบิต, iBanking, Mobile Banking, ATM หรือ การเก็บเงินปลายทาง เป็นต้น 

4. เลือกระบบจัดการธุรกิจที่ตอบโจทย์เรื่องยอดขาย และรู้ใจลูกค้า

ถ้าคุณมีแผนการตลาดที่พร้อมดำเนินงานได้ในทันที แต่ไม่มีระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ดีและมีประสิทธิภาพเพียงพอ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้ เพราะการมีระบบจัดการที่ดี จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและส่งผลโดยตรงต่อยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ระบบจัดการที่ดียังจะช่วยในการวิเคราะห์งบประมาณ ทำให้คุณสามารถประเมินและบริหารด้านการเงินได้คล่องตัวมากขึ้น ที่สำคัญยังสามารถนำไปวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด รวมไปถึงการนำไปช่วยจัดการระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการขายสินค้าออนไลน์ ที่จะช่วยให้การขนส่งแบบดิลิเวอรี่มีความสะดวกและแม่นยำมากขึ้น

แต่ในปัจจุบันนี้ได้มีระบบบริหารจัดการสำหรับธุรกิจ E-Commerce และบริการรับดูแลร้านค้าออนไลน์ที่สามารถนำมาใช้กับธุรกิจของคุณได้ เพราะระบบเหล่านี้ครอบคลุมการทำงานที่หลากหลาย และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งงานด้านการตลาด กับการทำโปรโมชันให้ตรงใจกลุ่มลูกค้า หรืองานเช็กสต็อกหลังบ้านก็สามารถทำได้อย่างสะดวก รวมถึงยังสามารถใช้วิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และมีราคาที่จับต้องได้ ไม่แพงอย่างที่หลาย ๆ คนคิด 

หากคุณคือพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ที่กำลังมองหาตัวช่วยในการสร้างความโดดเด่นให้กับธุรกิจ และให้เหนือกว่าคู่แข่ง พร้อมช่วยสร้างยอดขายให้พุ่งทะลุเป้า ที่ Buzzebees เราพร้อมมอบบริการ E-Commerce Enabler หรือ ระบบเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร ช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการ E-Commerce ได้เลยที่โทร. 02-645-1212 หรือ Email: support@buzzebees.com